การฝึกสมาธิเบื้องต้น
สมาธิ คือความสงบ สบาย
และความรู้สึกเป็นสุขอย่างยิ่งที่มนุษย์ สามารถสร้างขึ้นได้ด้วยตนเอง เป็นสิ่งที่พระพุทธศาสนากำหนด
เอาไว้เป็นข้อควรปฏิบัติ เพื่อการดำรงชีวิตทุกวัน อย่างเป็นสุข ไม่ประมาท
เต็มไปด้วยสติสัมปชัญญะและปัญญา อันเป็นเรื่อง ไม่เหลือวิสัย ทุกคนสามารถปฏิบัติได้ง่ายๆ
ดังวิธีปฏิบัติ ที่ พระเดชพระคุณพระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร) หลวงพ่อวัดปากน้ำ
ภาษีเจริญได้เมตตาสั่งสอนไว้ ดังนี้
1. กราบบูชาพระรัตนตรัย
เป็นการเตรียมตัวเตรียมใจให้นุ่มนวล ไว้เป็นเบื้องต้น แล้วสมาทานศีลห้าหรือศีลแปดเพื่อย้ำความมั่นคงในคุณธรรมของตนเอง
2. คุกเข่าหรือนั่งพับเพียบสบายๆ
ระลึกถึงความดี ที่ได้กระทำแล้วในวันนี้ ในอดีต และที่ตั้งใจจะทำต่อไปในอนาคต
จนราวกับว่าร่างกายทั้งหมด ประกอบขึ้นด้วยธาตุแห่งคุณงามความดี ล้วนๆ
3. นั่งขัดสมาธิ
เท้าขวาทับเท้าซ้าย มือขวาทับมือซ้าย นิ้วชี้ขวาจรดหัวแม่มือซ้าย นั่งให้อยู่ในจังหวะพอดี
ไม่ฝืนร่างกายมากจนเกินไป ไม่ถึงกับเกร็ง แต่อย่าให้หลัง โค้งงอ หลับตาพอสบายคล้ายกับกำลังพักผ่อน
ไม่บีบกล้ามเนื้อตา หรือว่าขมวดคิ้ว แล้วตั้งใจมั่น วางอารมณ์สบาย สร้างความรู้สึกให้พร้อมทั้งกายและใจ
ว่ากำลังจะเข้าไป สู่ภาวะแห่งความสงบสบายอย่างยิ่ง
4. นึกกำหนดนิมิต
เป็นดวงแก้วกลมใส ขนาดเท่าแก้วตาดำ ใสบริสุทธิ์ ปราศจากราคีหรือรอยตำหนิใดๆ
ขาวใส เย็นตาเย็นใจ ดังประกายของดวงดาว ดวงแก้วกลมใสนี้ เรียกว่า บริกรรมนิมิต
นึกสบายๆ นึกเหมือนดวงแก้วนั้นมา นิ่งสนิทอยู่ ณ ศูนย์กลางกาย ฐาน ที่ 7 นึกไปภาวนาไปอย่างนุ่มนวล
เป็นพุทธานุสติว่า สัมมา อะระหัง หรือค่อยๆ น้อมนึกดวงแก้ว กลมใสให้ค่อยๆ
เคลื่อนเข้าสู่ศูนย์กลางกายตาม แนวฐาน โดยเริ่มต้นตั้งแต่ฐานที่หนึ่งเป็นต้นไป
น้อมด้วย การนึกอย่างสบายๆ ใจเย็นๆ พร้อมๆ กับคำภาวนา
อนึ่ง เมื่อนิมิตดวงใส
และกลมสนิทปรากฏแล้ว ณ กลางกาย ให้วาง อารมณ์สบายๆ กับนิมิตนั้น จนเหมือนกับว่าดวงนิมิตเป็น
ส่วนหนึ่งของอารมณ์ หากดวงนิมิตนั้นอันตรธานหายไป ก็ไม่ต้องนึกเสียดาย ให้วางอารมณ์สบายแล้วนึกนิมิตนั้นขึ้นมาใหม่แทนดวงเก่า
หรือ เมื่อนิมิตนั้นไปปรากฏที่อื่น ที่มิใช่ศูนย์กลางกาย ให้ค่อยๆ น้อมนิมิตเข้ามาอย่างค่อยเป็นค่อยไป
ไม่มีการบังคับ และเมื่อนิมิตมาหยุดสนิท ณ ศูนย์กลางกาย ให้ วางสติลงไปยังจุดศูนย์กลางของดวงนิมิต
ด้วยความรู้สึกคล้ายมีดวงดาวดวงเล็กๆ อีกดวงหนึ่ง ซ้อนอยู่ตรงกลางดวงนิมิตดวงเดิม
แล้ว สนใจเอาใจใส่แต่ดวงเล็กๆ ตรงกลางนั้นไปเรื่อยๆ ใจจะปรับจนหยุดได้ถูกส่วนแล้ว
จากนั้นทุกอย่างจะค่อยๆปรากฏให้เห็นได้ด้วย ตนเอง เป็นภาวะของดวงกลม ที่ทั้งใสทั้งสว่างผุดซ้อน
ขึ้นมาจากกึ่งกลางดวงนิมิต ตรงที่เราเอาใจใส่อย่าง สม่ำเสมอ
ดวงนี้เรียกว่า ดวงธรรม
หรือ ดวงปฐมมรรค อันเป็นประตูเบื้องต้น ที่จะเปิด ไปสู่หนทางแห่งมรรคผลนิพพาน
การระลึกนึกถึงนิมิต หรือ ดวงปฐมมรรค สามารถทำได้ในทุกแห่งทุกที่ทุกอิริยาบถ
เพราะ ดวงธรรมนี้คือที่พึ่งที่ระลึกถึงอันประเสริฐสุดของมนุษย์
ข้อแนะนำ
คือ ต้องทำให้สม่ำเสมอเป็นประจำ
ทำเรื่อยๆ ทำอย่าง สบายๆ ไม่เร่ง ไม่บังคับ ทำได้แค่ไหน ให้พอใจแค่นั้น อัน
จะเป็นเครื่องสกัดกั้นมิให้เกิดความอยากมากจน เกินไป จนถึงกับทำให้ใจต้องสูญเสียความเป็น
กลาง และเมื่อการปฏิบัติบังเกิดผลแล้ว ให้หมั่น ตรึกระลึก
นึก ถึงอยู่เสมอ จนกระทั่งดวงปฐมมรรค กลายเป็นอันหนึ่ง
อันเดียว กับลมหายใจ หรือนึกเมื่อใดเป็นเห็นได้ทุกที อย่างนี้แล้ว ผลแห่งสมาธิจะทำให้ชีวิตดำรงอยู่บนเส้น
ทางแห่งความสุข ความสำเร็จ และความไม่ประมาทได้ตลอดไป ทั้งยัง จะทำ ให้สมาธิละเอียดอ่อนก้าวหน้า
ไปเรื่อยๆ ได้อีกด้วย
ข้อควรระวัง
1. อย่าใช้กำลัง
คือไม่ใช้กำลังใดๆ ทั้งสิ้น เช่นไม่บีบ กล้ามเนื้อตา เพื่อจะให้เห็นนิมิตเร็วๆ
ไม่เกร็งแขน ไม่ เกร็งกล้ามเนื้อหน้าท้อง ไม่เกร็งตัว ฯลฯ เพราะการใช้กำลังตรง
ส่วนไหนของร่างกายก็ตาม จะทำให้จิตเคลื่อนจาก ศูนย์กลางกายไปสู่จุดนั้น
2. อย่าอยากเห็น
คือทำใจให้เป็นกลาง ประคองสติ มิให้ เผลอจากบริกรรมภาวนาและบริกรรมนิมิต ส่วนจะเห็นนิมิต
เมื่อใดนั้น อย่ากังวล ถ้าถึงเวลาแล้วย่อมเห็นเอง การ บังเกิดของดวงนิมิตนั้น
อุปมาเสมือนการขึ้นและตก ของดวงอาทิตย์ เราไม่อาจจะเร่งเวลาได้
3. อย่ากังวล
ถึงการกำหนดลมหายใจเข้าออก เพราะการ ฝึกสมาธิเจริญภาวนาวิชชาธรรมกาย อาศัยการน้อมนึก
อาโลก-กสิณ คือ กสิณความสว่างเป็นบาทเบื้องต้น เมื่อ เกิดนิมิตเป็นดวงสว่าง
แล้วค่อยเจริญวิปัสสนาในภายหลัง จึงไม่มีความจำเป็นต้องกำหนดลมหายใจเข้าออก
แต่ประการใด
4. เมื่อเลิกจากนั่งสมาธิแล้ว
ให้ตั้งใจไว้ที่ศูนย์ กลางกายที่เดียว ไม่ว่าจะอยู่ในอิริยาบถใดก็ตาม เช่น
ยืนก็ดี เดินก็ดี นอนก็ดี หรือนั่งก็ดี อย่าย้าย ฐานที่ตั้งจิตไปไว้ที่อื่นเป็นอันขาด
ให้ตั้งใจ บริกรรมภาวนา พร้อมกับนึกถึงบริกรรมนิมิตเป็นดวงแก้ว ใสควบ คู่กันตลอดไป
5. นิมิตต่างๆ
ที่เกิดขึ้นจะต้องน้อมไปตั้งไว้ที่ ศูนย์กลางกายทั้งหมด ถ้านิมิตที่เกิดขึ้นแล้วหายไป
ก็ ไม่ต้องตามหา ให้ภาวนาประคองใจต่อไปตามปกติ ใน ที่สุดเมื่อจิตสงบ นิมิตย่อมปรากฏขึ้นใหม่อีก
สำหรับผู้ที่นับถือพระพุทธศาสนา
เพียงเพื่ออาภรณ์ประดับกาย หรือเพื่อเป็นพิธีการชนิดหนึ่ง หรือผู้ที่ต้องการ
ฝึกสมาธิเพียงเพื่อให้เกิด ความสบายใจ จะได้เป็นการพักผ่อนหลังจากการปฏิบัติหน้าที่ภารกิจประจำวัน
โดยไม่ ปรารถนาจะทำให้ถึงที่สุดแห่งกองทุกข์ ยังคิดอยู่ ว่าการอยู่กับบุตรภรรยา
การมีหน้ามีตาทางโลก การท่องเที่ยว อยู่ในวัฏฏสงสาร เป็นสุขกว่าการเข้านิพพาน
เสมือนทหาร เกณฑ์ที่ไม่คิดจะเอา
ดีในราชการอีกต่อไปแล้ว
การฝึกสมาธิเบื้องต้นเท่าที่กล่าวมาทั้งหมดนี้
ก็พอ เป็นปัจจัย ให้เกิดความสุขได้พอสมควร เมื่อซักซ้อมปฏิบัติ อยู่เสมอๆ
ไม่ทอดทิ้ง จนได้ดวงปฐมมรรคแล้ว ก็ให้หมั่น ประคองรักษาดวงปฐมมรรคนั้นไว้ตลอดชีวิต
และอย่ากระทำ ความชั่วอีก เป็นอันมั่นใจได้ว่าถึงอย่างไรชาตินี้ ก็พอมีที่พึ่งที่เกาะที่ดีพอสมควร
คือเป็นหลัก ประกันได้ ว่าจะไม่ต้องตกนรกแล้วทั้งชาตินี้ และชาติ ต่อๆ ไป
|